
รถน้ำท่วม เคลมประกันอย่างไร?
ช่วงฤดูฝนหรือในสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน รถยนต์มักกลายเป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหายอันดับต้นๆ โดยเฉพาะเมื่อถูกน้ำท่วมจนถึงเครื่องยนต์หรือภายในรถ ผู้ใช้รถหลายคนจึงมีคำถามว่า “รถน้ำท่วมสามารถเคลมประกันได้หรือไม่?” และ “ต้องทำอย่างไรบ้าง?” บทความนี้จะช่วยไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการเคลมประกันรถยนต์กรณีน้ำท่วมอย่างถูกต้อง
ก่อนอื่นต้องตรวจสอบว่า กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ของคุณเป็นประเภทใด หากเป็น ประกันชั้น 1 จะครอบคลุมความเสียหายจากน้ำท่วมแน่นอน แต่ถ้าเป็นชั้น 2+ หรือ 3+ จะไม่คุ้มครองในกรณีนี้
ขั้นตอนการเคลมเมื่อรถน้ำท่วม
1. ห้ามสตาร์ทรถเด็ดขาด
เมื่อรู้ว่ารถจมน้ำหรือมีน้ำท่วมถึงระดับเครื่องยนต์ ห้ามพยายามสตาร์ทรถโดยเด็ดขาด เพราะน้ำอาจเข้าไปในห้องเผาไหม้หรือระบบไฟฟ้า การสตาร์ทรถในสภาพนี้อาจทำให้ความเสียหายเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นกรณี “เสียหายทั้งหมด” ซึ่งอาจทำให้การเคลมยุ่งยากหรือถูกปฏิเสธได้
2. ถ่ายรูปและเก็บหลักฐาน
บันทึกภาพถ่ายจากมุมต่างๆ ที่เห็นระดับน้ำท่วม ความเสียหายทั้งภายในและภายนอกรถ เช่น เบาะรถ เครื่องเสียง แผงคอนโซล ล้อรถ และเครื่องยนต์ ภาพเหล่านี้จะใช้ประกอบการเคลมกับบริษัทประกัน
3. แจ้งบริษัทประกันทันที
ติดต่อบริษัทประกันหรือศูนย์บริการลูกค้าที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ แจ้งรายละเอียดเหตุการณ์ เช่น วัน เวลา สถานที่ และลักษณะความเสียหาย พร้อมส่งภาพถ่ายประกอบ จากนั้นรอเจ้าหน้าที่หรือตัวแทนมาประเมิน
4. รอการประเมินและขนย้ายรถ
บริษัทประกันจะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบหรือจัดการขนย้ายรถไปยังอู่ซ่อมในเครือเพื่อประเมินความเสียหาย บางกรณีอาจมีการตรวจสอบร่วมกับวิศวกรหรือผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์
5. ประเมินค่าเสียหายและพิจารณาการซ่อม
หากเสียหายไม่มาก จะมีการประเมินและซ่อมแซมให้ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ แต่หากเสียหายหนักจนไม่คุ้มค่าการซ่อม อาจได้รับการพิจารณาว่าเป็น รถเสียหายทั้งหมด (Total Loss) และได้รับเงินชดเชยตามมูลค่าที่ประกันกำหนด
สรุป
การเคลมประกันกรณีรถน้ำท่วมสามารถทำได้ หากคุณมีประกันชั้น 1 และปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง ที่สำคัญคือ อย่าสตาร์ทรถ และแจ้งเคลมทันที เพื่อให้การประเมินและการซ่อมแซมเป็นไปอย่างรวดเร็ว หากอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ควรตรวจสอบความคุ้มครองของประกันไว้ล่วงหน้า เพื่อความอุ่นใจในทุกสถานการณ์ และติดต่อนายหน้าหรือตัวแทนประกันมืออาชีพเพื่อความรวดเร็วและถูกต้อง